การปรับตัวภายในครอบครัวเมื่อมีผู้ป่วยสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ในครอบครัวเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องการความเข้าใจจากทุกคนในครอบครัว เนื่องจากโรคนี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการคิด ความจำ และพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดและความไม่แน่นอนในชีวิตประจำวันของสมาชิกในครอบครัว
ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s)
โรคอัลไซเมอร์เป็นภาวะที่ทำให้สมองเสื่อมถอยลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการจดจำและการสื่อสาร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ความเสี่ยงในการเกิดโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการและระยะของโรคเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวสามารถปรับตัวและจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับตัวของสมาชิกในครอบครัว
- การสื่อสารที่ชัดเจน: สมาชิกในครอบครัวควรพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ใช้คำพูดสั้น ๆ และชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจได้ง่ายขึ้น
- การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย: ควรจัดบ้านให้ปลอดภัยและไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
- การสนับสนุนกิจกรรมประจำวัน: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่สามารถทำได้เอง เช่น การอาบน้ำ การรับประทานอาหาร เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง
- การจัดกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง: การทำกิจกรรมที่กระตุ้นความจำ เช่น การทายภาพสมาชิกในครอบครัว หรือการร้องเพลง สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้
- การดูแลด้านอารมณ์: สมาชิกในครอบครัวควรมีความเข้าใจและอดทนต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ป่วย เช่น อาการหงุดหงิดหรืออารมณ์แปรปรวน โดยไม่ควรโต้เถียงหรือทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียด
การฟื้นฟูด้วย Transcranial Pulse Stimulation (TPS)
การฟื้นฟูผู้ป่วยสมองเสื่อมอัลไซเมอร์เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการดูแลที่ครอบคลุมและวิธีการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและชะลอการเสื่อมสภาพของสมอง ซึ่งการใช้เทคโนโลยี TPS (Transcranial Pulsed Stimulation) หรือ การใช้คลื่นพัลส์ซึ่งเป็นคลื่นกระแทกพลังงานต่ำกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง เป็นวิธีการฟื้นฟูที่น่าสนใจในกรณีของผู้ป่วยสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เนื่องจากสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดและเซลล์สมองที่ฝ่อลงตามกระบวนการของโรค ทำให้ผู้ป่วยมีความจำที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือกรณีที่มีอาการรุนแรงก็จะฟื้นฟูโดยมีเป้าหมายเพื่อการชะลอการพัฒนาของโรค ร่วมกับการรักษาตามมาตรฐาน
ประโยชน์ของ TPS
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง: การกระตุ้นด้วย TPS ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ในสมอง ซึ่งทำให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ส่งผลดีต่อการทำงานของสมอง
- พัฒนาการทำงานของสมอง: การมีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงสมองมากขึ้นสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง เช่น ความจำ การเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ การพูด
- กระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาท: TPS ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ซึ่งมีผลดีต่อการฟื้นฟูสมองและการปรับตัวในกรณีที่เกิดความเสียหายจากโรคหรือการบาดเจ็บ
- เสริมสร้างสมาธิและความคิดสร้างสรรค์: การมีออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ส่งผลให้มีสมาธิที่ดีขึ้นและความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
ขั้นตอนการฟื้นฟูกระตุ้นสมองด้วย TPS
- ประเมินโดยแพทย์ผู้เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านการกระตุ้นสมอง ประเมินข้อห้าม ข้อควรระวัง ความเหมาะสม ของผู้ป่วยก่อนการรักษา เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มค่าสูงสุดของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยและญาติ และ/หรือแพทย์เจ้าของไข้ เข้ารับการปรึกษาผ่านวิดิโอคอลกับทีมแพทย์ จะแจ้งผลการประเมิน ให้ความรู้ คำแนะนำ การตรวจพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆ และนัดวันทำการฟื้นฟูกระตุ้นสมอง
- ผู้ป่วยมาทำการกระตุ้นสองตามนัดสม่ำเสมอ ใช้เวลา 30-45 นาทีต่อเคส 1-3 ครั้ง/สัปดาห์
- เมื่อทำเสร็จ ถ้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การกระตุ้น TPS ได้ผลเหมือนกันทุกที่หรือไม่?
TPS (Transcranial Pulse Stimulation) เป็นชื่อเทคโนโลยีที่ใช้ในการฟื้นฟูสมอง เครื่องแบรนด์เดียวกัน รุ่นเดียวกัน คลื่นย่อมไม่มีความต่าง แต่ถ้าคนละแบรนด์ก็อาจให้ผลที่ต่างกัน ตามคุณภาพของอุปกรณ์
การใช้งานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยดังนี้:
- ความชำนาญของทีม: แม้เครื่อง TPS จะเหมือนกันในยี่ห้อเดียวกัน แต่ทักษะและประสบการณ์ของผู้ฟื้นฟูในการใช้งานเครื่องมีบทบาทสำคัญในการกำหนดผลลัพธ์ของการฟื้นฟู สมองเป็นอวัยวะที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน การตรวจสอบอย่างละเอียดและการเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การตรวจ EEG, qEEG, LORETA, MRI, MRA, fNIR ก่อนเริ่มการทำ TPS เพื่อให้ได้ผลที่ปลอดภัยและคุ้มค่ากับคนไข้มากที่สุด
- เทคนิคการใช้งาน: การใช้งานเครื่อง TPS ต้องมีการตั้งค่าและการจัดการที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเลือกตำแหน่งการกระตุ้นและพารามิเตอร์การกระตุ้นเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้กระบวนการฟื้นฟูมีประสิทธิภาพ เทคนิคที่ต่างกันผลลัพธ์จะต่างกัน
- ป้องกันความเสี่ยง: การใช้งานเครื่อง TPS อย่างไม่ระมัดระวังอาจมีความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ เช่น เลือดออกในสมอง, สมองช้ำ, หรือกระตุ้นการชัก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการตรวจสอบอย่างละเอียดและการเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ
- ความแตกต่างของผลลัพธ์: เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ การฟื้นฟูสมองด้วย TPS อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในแต่ละสถานพยาบาล การเลือกสถานพยาบาลที่มีแพทย์ที่มีประสบการณ์และเทคนิคที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ
Brainwell Medical ✚ เป็นผู้เชี่ยวชาญการกระตุ้นสมองประสบการณ์ตั้งแต่ปี 2012 เป็นผู้บุกเบิกและผู้ฝึกสอนการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก TMS และคลื่นพัลส์ TPS ในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ
สรุป
การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ต้องการความร่วมมือและความเข้าใจจากครอบครัวในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย, การสื่อสารที่ชัดเจน, และการสนับสนุนกิจกรรมประจำวัน การฟื้นฟูด้วย TPS อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย แต่ควรดำเนินการโดยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด